หลายท่านคงพอทราบอยู่แล้วบ้างว่า ESG คืออะไร ESG ย่อมาจาก Environment (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม) และ Governance (บรรษัทภิบาล) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่ใช้ประเมินผลการดำเนินงานขององค์กรในมิติของความยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องที่องค์กรในปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญมาก องค์กรที่ให้ความสำคัญกับ ESG แสดงถึงความรับผิดชอบต่อทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สิ่งแวดล้อม และสังคม ซึ่งส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว
ทำไม ESG ถึงสำคัญต่อธุรกิจ?
1. ดึงดูดนักลงทุน
นักลงทุนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน บริษัทที่มีคะแนน ESG สูง มักได้รับความสนใจจากนักลงทุนกลุ่มนี้ ซึ่งนำไปสู่แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย และช่วยลดต้นทุนในการระดมทุน
ตัวอย่างเช่น กองทุน BlackRock กองทุนรวมขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ที่ประกาศว่าจะลงทุนเฉพาะในบริษัทที่มีคะแนน ESG สูงเท่านั้น
ในส่วนของนักลงทุนสถาบันก็เริ่มให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นเช่นกัน บริษัทที่มีคะแนน ESG ต่ำ อาจถูกปฏิเสธจากการลงทุนโดยนักลงทุนกลุ่มนี้
2. เสริมสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียง
การที่องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดี ย่อมส่งผลต่อการดึงดูดลูกค้า คู่ค้า และพนักงานที่มีคุณภาพแน่นอน
ตัวอย่างเช่น บริษัท Nike มีนโยบายต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก ส่งผลให้บริษัทมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของผู้บริโภค
การมีชื่อเสียงที่มั่นคง ก็จะช่วยให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤตได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น บริษัท Unilever มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้บริษัทมีชื่อเสียงในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืน
การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จะการันตีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นได้
3. ลดความเสี่ยง
ลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย เพราะปัจจุบันในไทยและต่างประเทศกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสังคมมีแนวโน้มเข้มงวดมากขึ้น บริษัทที่ไม่คำนึงถึง ESG อาจเผชิญค่าปรับ หรือแม้กระทั่งถูกดำเนินคดี
ตัวอย่างเช่น บริษัท Volkswagen ถูกปรับเงินมหาศาลจากคดีปลอมมลพิษทางอากาศ
ลดความเสี่ยงด้านชื่อเสียง เพราะหากเกิดกรณีอื้อฉาวด้านสิ่งแวดล้อมหรือสังคม อาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของบริษัท และนำไปสู่การสูญเสียลูกค้า
ตัวอย่างเช่น บริษัท Enron ประสบปัญหาบัญชีฉ้อโกง ส่งผลให้บริษัทล้มละลาย และสูญเสียชื่อเสียง
ลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
ตัวอย่างเช่น บริษัท Coca-Cola ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ ส่งผลกระทบต่อการผลิต
4. เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
หลายประเทศมีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่สนับสนุนธุรกิจที่มีคะแนน ESG สูง เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือการจัดซื้อจัดจ้างจากภาครัฐ
ตัวอย่างเช่น ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนสีเขียว โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่ลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่ เพราะพฤติกรรมลูกค้าปัจจุบันเริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการจากบริษัทที่มี ESG สูง
ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคเริ่มรณรงค์เลือกซื้อสินค้าออร์แกนิค สินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล หรือสินค้าจากบริษัทที่สนับสนุนสิทธิมนุษย์
พอเห็นแล้วใช่ไหมคะว่า ESG เริ่มมีบทบาทสำคัญ และส่งผลกระทบได้มากจริง ๆ ทั้งเรื่องชื่อเสียง เงินทอง ภาพลักษณ์ ทราบอย่างนี้แล้ว หากองค์กรของท่านยังไม่ได้เริ่มทำ ESG มาเริ่มกันตั้งแต่วันนี้เถอะค่ะ เพราะเป็นทั้งการป้องกัน และการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้จริง ๆ
DeOne Academy มีหลักสูตรพัฒนาภาวะผู้นำที่ตอบโจทย์ผู้นำทุกระดับ ทั้งด้าน Leadership, Business, Sales และ Team เรามีประสบการณ์กว่า 18 ปีในการพัฒนาบุคลากรในองค์กรชั้นนำ ด้วยวิทยากรมืออาชีพ สนใจสอบถามรายละเอียดและให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
📞โทร: 065-097-9444
💚Line: @deoneacademy
📩E-Mail: info@deoneacademy.com
📌Website: https://deoneacademy.com/
